เมืองต้องคำสาป คนหายในม่านหมอก
โดย:
G2Kzabb
[IP: 49.49.212.xxx]
เมื่อ: 2025-11-08 17:33:33
เมืองต้องคำสาป คนหายในม่านหมอก
เฮ้ยแก เรามีหนังเรื่องนึงโคตรอยากป้ายยาเลยเว้ย มันเป็นฟีลแบบสืบสวนสอบสวนที่ผสมโรงกับเรื่องผีสางเหนือธรรมชาติแบบที่แกต้องขนลุกเกรียวอ่ะ Baramulla (2025) บารามุลลาอาถรรพ์ เรื่องมันเปิดมาที่เมืองเล็กๆ เมืองนึงที่แม่งโคตรสวยเลยนะเว้ย สวยแบบสงบ สวยแบบเย็นๆ หมอกลงจัดๆ ตลอดเวลา อยู่ท่ามกลางหุบเขาอะไรทำนองนั้นแหละ แต่ไอ้ความสงบที่ว่าเนี่ย มันดันมีเรื่องแปลกๆ ซ่อนอยู่เว้ย เรื่องมันเริ่มจากว่ามีเด็กคนนึงหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย หายไปดื้อๆ เลย ทีนี้ความซวยก็มาตกอยู่ที่พระเอกของเราซึ่งเป็นตำรวจในเมืองนั้น เป็นตำรวจที่แบบ เพิ่งย้ายมาใหม่มั้ง หรืออาจจะเป็นคนพื้นที่แต่แบบเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องงมงายเท่าไหร่ เป็นคนยึดหลักเหตุผลเว้ย แล้วเขาก็มีครอบครัว มีลูกมีเมียที่รักมาก พอยิ่งสืบคดีนี้ลึกเท่าไหร่ พี่ตำรวจคนนี้ก็ยิ่งเจอแต่ความประหลาด คือมันไม่ใช่คดีลักพาตัวธรรมดาอ่ะแก ชาวบ้านในพื้นที่ก็ดูแปลกๆ อมพะนำ พูดจาไม่เคลียร์ เหมือนมีความลับอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้คนนอกอย่างเขารู้ เหมือนทุกคนกำลังกลัว 'บางสิ่ง' ที่มองไม่เห็น แล้วไอ้ 'บางสิ่ง' ที่ว่าเนี่ย มันไม่ได้อยู่แค่ในป่าในเขาหรือในที่เกิดเหตุนะเว้ย มันเริ่มคืบคลานเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขาด้วย ที่บ้านเขาก็เริ่มเจอเรื่องประหลาด เมียเขาเริ่มเห็นภาพหลอน ลูกเขาเริ่มพูดกับเพื่อนในจินตนาการที่หน้าตาโคตรสยอง แล้วบ้านก็เริ่มมีเสียงแปลกๆ ของเริ่มขยับเองได้ ฟีลแบบหนังผีสิงคลาสสิกเลย แต่มันน่ากลัวตรงที่มันดันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่เขากำลังตามหาเด็กที่หายไป เหมือนไอ้ตัวที่เอาเด็กไป มันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า มึงอย่ามายุ่ง อะไรแบบนี้ ความพีคคือพี่ตำรวจเราก็ไม่ถอยเว้ย ยิ่งสืบก็ยิ่งเจอตอ เจอตำนานเก่าแก่ของเมือง เจอสัญลักษณ์ประหลาดๆ ที่ถูกทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ จนสุดท้ายเขาไปขุดเจอ 'ความจริง' ที่แม่งโคตรช็อก ช็อกแบบที่ว่า โห ไอ้ความสงบสุขที่เมืองนี้มีมาตลอดหลายสิบปี มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเว้ย แต่มันคือ 'ข้อแลกเปลี่ยน' กับบางอย่างที่โคตรมืดมน แล้วการหายตัวไปของเด็กคนนั้น มันดันไปเกี่ยวพันกับไอ้ข้อแลกเปลี่ยนบ้าๆ นี่เต็มๆ แล้วที่หนักไปกว่านั้นคือ พ่อพระเอกของเราดันไปล่วงรู้ความลับนี้เข้า ไอ้ตัวตนเหนือธรรมชาติที่คุมเมืองนี้อยู่มันก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไง จากที่แค่ขู่ๆ ที่บ้าน ตอนนี้มันเริ่มจะเอาจริงแล้วเว้ย มันเริ่มคุกคามครอบครัวเขาหนักขึ้น โดยเฉพาะลูกของเขาเอง ทีนี้พี่ตำรวจเลยต้องเลือกระหว่างการทำหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดโปงความจริงอันน่ารังเกียจของเมืองนี้ ช่วยเหลือเด็กที่หายไป (ถ้ายังทันนะ) กับการต้องปกป้องครอบครัวตัวเองให้รอดพ้นจากไอ้สิ่งที่มันไม่ใช่คนเนี่ย หนังมันบีบหัวใจมากเว้ย มันไม่ใช่ผีที่ออกมาตุ้งแช่ให้ตกใจ แต่มันเป็นความหลอนแบบกดดัน มันเล่นกับจิตวิทยา เล่นกับความเชื่อ แล้วก็เล่นกับสัญชาตญาณความเป็นพ่อของคนอ่ะ ภาพในเรื่องต้องสวยมากแน่ๆ แบบสวยแต่โคตรวังเวง ไอ้เมืองที่ชื่อ บารามูลลา นี่บรรยากาศต้องสุดๆ อ่ะ นึกภาพหมอกจางๆ คลุมภูเขาทั้งลูกดิ แล้วมีเสียงกระซิบอะไรแว่วๆ มาตลอด แกต้องไปดูนะเว้ย มันคือการผสมกันที่ลงตัวระหว่างหนังสืบสวนโคตรเข้มข้นแบบ True Detective กับหนังผีบรรยากาศหลอนๆ แบบ The Conjuring หรือ Hereditary อะไรเทือกนั้นเลย คือถ้าแกชอบหนังที่แบบ ดูจบแล้วต้องมานั่งคิดต่อว่าถ้าเป็นเราจะทำยังไงวะ เรื่องนี้คือตอบโจทย์สุดๆ มันท้าทายศีลธรรมในใจเราเหมือนกันนะเว้ย ว่าความสงบสุขที่ได้มาจากการปิดบังความจริงที่เลวร้ายเนี่ย มันคุ้มค่าเหรอ แล้วถ้าเป็นเรา เราจะยอมแลกมั้ย นี่เล่าไปก็ขนลุกไป
เฮ้ยแก เรามีหนังเรื่องนึงโคตรอยากป้ายยาเลยเว้ย มันเป็นฟีลแบบสืบสวนสอบสวนที่ผสมโรงกับเรื่องผีสางเหนือธรรมชาติแบบที่แกต้องขนลุกเกรียวอ่ะ Baramulla (2025) บารามุลลาอาถรรพ์ เรื่องมันเปิดมาที่เมืองเล็กๆ เมืองนึงที่แม่งโคตรสวยเลยนะเว้ย สวยแบบสงบ สวยแบบเย็นๆ หมอกลงจัดๆ ตลอดเวลา อยู่ท่ามกลางหุบเขาอะไรทำนองนั้นแหละ แต่ไอ้ความสงบที่ว่าเนี่ย มันดันมีเรื่องแปลกๆ ซ่อนอยู่เว้ย เรื่องมันเริ่มจากว่ามีเด็กคนนึงหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย หายไปดื้อๆ เลย ทีนี้ความซวยก็มาตกอยู่ที่พระเอกของเราซึ่งเป็นตำรวจในเมืองนั้น เป็นตำรวจที่แบบ เพิ่งย้ายมาใหม่มั้ง หรืออาจจะเป็นคนพื้นที่แต่แบบเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องงมงายเท่าไหร่ เป็นคนยึดหลักเหตุผลเว้ย แล้วเขาก็มีครอบครัว มีลูกมีเมียที่รักมาก พอยิ่งสืบคดีนี้ลึกเท่าไหร่ พี่ตำรวจคนนี้ก็ยิ่งเจอแต่ความประหลาด คือมันไม่ใช่คดีลักพาตัวธรรมดาอ่ะแก ชาวบ้านในพื้นที่ก็ดูแปลกๆ อมพะนำ พูดจาไม่เคลียร์ เหมือนมีความลับอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้คนนอกอย่างเขารู้ เหมือนทุกคนกำลังกลัว 'บางสิ่ง' ที่มองไม่เห็น แล้วไอ้ 'บางสิ่ง' ที่ว่าเนี่ย มันไม่ได้อยู่แค่ในป่าในเขาหรือในที่เกิดเหตุนะเว้ย มันเริ่มคืบคลานเข้ามาในชีวิตส่วนตัวของเขาด้วย ที่บ้านเขาก็เริ่มเจอเรื่องประหลาด เมียเขาเริ่มเห็นภาพหลอน ลูกเขาเริ่มพูดกับเพื่อนในจินตนาการที่หน้าตาโคตรสยอง แล้วบ้านก็เริ่มมีเสียงแปลกๆ ของเริ่มขยับเองได้ ฟีลแบบหนังผีสิงคลาสสิกเลย แต่มันน่ากลัวตรงที่มันดันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่เขากำลังตามหาเด็กที่หายไป เหมือนไอ้ตัวที่เอาเด็กไป มันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า มึงอย่ามายุ่ง อะไรแบบนี้ ความพีคคือพี่ตำรวจเราก็ไม่ถอยเว้ย ยิ่งสืบก็ยิ่งเจอตอ เจอตำนานเก่าแก่ของเมือง เจอสัญลักษณ์ประหลาดๆ ที่ถูกทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ จนสุดท้ายเขาไปขุดเจอ 'ความจริง' ที่แม่งโคตรช็อก ช็อกแบบที่ว่า โห ไอ้ความสงบสุขที่เมืองนี้มีมาตลอดหลายสิบปี มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเว้ย แต่มันคือ 'ข้อแลกเปลี่ยน' กับบางอย่างที่โคตรมืดมน แล้วการหายตัวไปของเด็กคนนั้น มันดันไปเกี่ยวพันกับไอ้ข้อแลกเปลี่ยนบ้าๆ นี่เต็มๆ แล้วที่หนักไปกว่านั้นคือ พ่อพระเอกของเราดันไปล่วงรู้ความลับนี้เข้า ไอ้ตัวตนเหนือธรรมชาติที่คุมเมืองนี้อยู่มันก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไง จากที่แค่ขู่ๆ ที่บ้าน ตอนนี้มันเริ่มจะเอาจริงแล้วเว้ย มันเริ่มคุกคามครอบครัวเขาหนักขึ้น โดยเฉพาะลูกของเขาเอง ทีนี้พี่ตำรวจเลยต้องเลือกระหว่างการทำหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดโปงความจริงอันน่ารังเกียจของเมืองนี้ ช่วยเหลือเด็กที่หายไป (ถ้ายังทันนะ) กับการต้องปกป้องครอบครัวตัวเองให้รอดพ้นจากไอ้สิ่งที่มันไม่ใช่คนเนี่ย หนังมันบีบหัวใจมากเว้ย มันไม่ใช่ผีที่ออกมาตุ้งแช่ให้ตกใจ แต่มันเป็นความหลอนแบบกดดัน มันเล่นกับจิตวิทยา เล่นกับความเชื่อ แล้วก็เล่นกับสัญชาตญาณความเป็นพ่อของคนอ่ะ ภาพในเรื่องต้องสวยมากแน่ๆ แบบสวยแต่โคตรวังเวง ไอ้เมืองที่ชื่อ บารามูลลา นี่บรรยากาศต้องสุดๆ อ่ะ นึกภาพหมอกจางๆ คลุมภูเขาทั้งลูกดิ แล้วมีเสียงกระซิบอะไรแว่วๆ มาตลอด แกต้องไปดูนะเว้ย มันคือการผสมกันที่ลงตัวระหว่างหนังสืบสวนโคตรเข้มข้นแบบ True Detective กับหนังผีบรรยากาศหลอนๆ แบบ The Conjuring หรือ Hereditary อะไรเทือกนั้นเลย คือถ้าแกชอบหนังที่แบบ ดูจบแล้วต้องมานั่งคิดต่อว่าถ้าเป็นเราจะทำยังไงวะ เรื่องนี้คือตอบโจทย์สุดๆ มันท้าทายศีลธรรมในใจเราเหมือนกันนะเว้ย ว่าความสงบสุขที่ได้มาจากการปิดบังความจริงที่เลวร้ายเนี่ย มันคุ้มค่าเหรอ แล้วถ้าเป็นเรา เราจะยอมแลกมั้ย นี่เล่าไปก็ขนลุกไป
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments










